ขนาดพื้นที่

ประเภท A – อาคารพาณิชย์ 1 ห้องแถว (หรือพื้นที่ประมาณ 90 ตารางเมตร)

สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 20 – 30 ที่นั่ง (1 สายพาน)

  • ลงทุนประมาณ 1.4 ล้านบาท

ประเภท B – อาคารพาณิชย์ 1 ห้องแถว 2 ชั้น (หรือพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร)

สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 40 – 60 ที่นั่ง (2 สายพาน)

  • ลงทุนประมาณ 2.2 ล้านบาท

ขนาดพื้นที่

ประเภท C – อาคารพาณิชย์ 2 ห้องแถว (หรือพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร)

สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 40 – 60 ที่นั่ง (2 สายพาน)

  • ลงทุนประมาณ 2.3 ล้านบาท

ประเภท D – อาคารเดี่ยว (หรือพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร)

สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 60 ที่นั่ง (2 สายพาน)

  • ลงทุนประมาณ 4.5 ล้านบาท

ประเภท E – ห้างสรรพสินค้า (หรือพื้นที่ประมาณ 120 ตารางเมตร)

สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 30 ที่นั่ง (1 สายพาน)

  • ลงทุนประมาณ 3 ล้านบาท

ความสามารถในการทำแฟรนไชส์กับคู่แข่งแฟรนไชส์

  • ด้านแบรนด์และชื่อเสียง – คู่แข่งหลักของแบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟนั้นเป็นที่รู้จัก ส่วนแบรนด์ฉวนล่าเองอยู่ในระหว่างการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากกว่าหรือเทียบเท่า ไม่เพียงแค่ในกรุงเทพมหานคร แต่รวมถึงในต่างจังหวัดด้วย ซึ่งปัจจุบันทางแบรนด์ได้เริ่มเปิดในต่างจังหวัดแล้ว เช่น จังหวัดลพบุรี และจังหวัดอยุธยา
  • ขนาดและจำนวนสาขา – ขนาดของสาขาฉวนล่าหม้อไฟนั้นมีทั้งขนาด เล็ก กลาง และใหญ่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเล ในขณะที่คู่แข่งนั้นจะมีเฉพาะไซส์ใหญ่ และจำนวนสาขาฉวนล่าหม้อไฟจะมีทั้งหมด 11 สาขาภายในเดือนมีนาคม พ.ศ.2566 นี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าคู่แข่ง
  • ประสบการณ์ – ประสบการณ์ของทีมงานแบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟนั้นมีความรู้และประสบการณ์มาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพสินค้า หรือการบริการ จากประสบการณ์ร้านอาหารประเภทชาบูมามากกว่า 8 ปี และเปิดมาแล้วมากกว่า 50 สาขา
  • ระบบงาน – แบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟมีการวางระบบไว้อย่างดี มีสูตรและมาตรฐานกำหนดไว้อย่างชัดเจน พนักงานไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถปฏิบัติงานตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและจะมีการกำหนดหน้าที่ไว้ชัดเจนเสมอ รวมทั้งมีการอบรมลูกค้าแฟรนไชส์ทั้งในเรื่องระบบการบริหารร้านอาหาร และระบบปฎิบัติการภายในร้านทั้งหมดเป็นเวลา 15 วันอีกด้วย เพื่อให้ลูกค้าแฟรนไชส์มีความมั่นใจในการบริหารงานภายในสาขาได้ และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
  • มาตรฐาน – ในการปฎิบัติงานนั้น จะมีการใช้เครื่องมือวัดที่ได้มาตรฐาน หากส่วนงานไหนที่ไม่สามารถใช้เครื่องมือวัดได้ จะมีเกณฑ์สำหรับการประเมินสถานการณ์หรือสินค้าให้ทุกอย่าง รวมถึงมีระบบการตรวจ Quality Service and Cleanliness (QSC) อยู่เสมอ
  • เทคโนโลยี – ในด้านการขาย ทางแบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟมีการใช้ระบบ Point of Sale (POS) ที่เป็นที่ยอมรับและง่ายต่อการใช้งานสำหรับพนักงาน และยังสามารถให้ลูกค้าสั่งอาหารเพิ่มเติมได้ทาง QR Code ได้อีกด้วย เพื่อเป็นการลดความผิดพลาดของพนักงาน และสะดวกรวดเร็วกับลูกค้า รวมถึงมีการรับชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์นั้น เช่น การสแกนจ่ายเงิน หรือการโอนเงินเท่านั้น เพื่อเป็นการผลักดันสังคมไร้เงินสดในสังคม ส่วนในด้านของลูกค้าแฟรนไชส์ก็สามารถใช้ระบบเดียวกันนี้ในการตรวจสอบระบบหลังร้านได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดขาย ระบบสินค้าคงคลัง หรือการคำนวณต้นทุน
  • ผลกำไร – ผลกำไรของสาขาต้นแบบและลูกค้าแฟรนไชส์ที่ผ่านมานั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เนื่องจากก่อนที่จะเริ่มการขายแฟรนไชส์นั้น ทางแบรนด์ได้มีการวางโครงสร้างต้นทุนไว้อย่างรัดกุม อ้างอิงจากสาขาต้นแบบมีผลประกอบการอยู่ที่ร้อยละ 20 ของยอดขายทั้งหมด
  • การลงทุน – เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว การลงทุนของแบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟนั้นน้อยกว่ามาก ในขณะที่การลงทุนที่น้อยกว่านั้นแต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์กับลูกค้าได้ดีเทียบเท่ากับแบรนด์คู่แข่ง
  • การตลาด – ทางแบรนด์มีการวางแผนการตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในทุกๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะแฟลตฟอร์มที่กลุ่มลูกค้าอยู่ มีการใช้ผู้มีอิทธิผลทางสื่อโซเชียล (Influencer) และการรีวิวต่างๆ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการทำ Local Store Marketing มาจากประสบการณ์ที่เคยเปิดร้านอาหารชาบูนในหลากหลายพื้นที่
  • การพัฒนา – การพัฒนาของแบรนด์ฉวนล่าหม้อไฟถูกดำเนินการอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอยู่เสมอและมีการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ